From this page you can:
Home |
Search results
12 result(s) search for keyword(s) 'การกู้ภัย, การปฏิบัติงาน, เกาะเต่า, ปัญหาและอุปสรรค, อาสาสมัคร'
Add the result to your basket Refine your search Apply to external sources Make a suggestion
SIU IS-T. ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่า / พงศกร ลวนานนท์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่า Original title : Problem and Obstacle in Sufferers Rescue Operation of Khuson Shatta Foundation’s Volunteers, Koh Tao, Suratthani Province Material Type: printed text Authors: พงศกร ลวนานนท์, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: vii, 85 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-36
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การทำงาน
[LCSH]อาสาสมัครKeywords: การกู้ภัย,
การปฏิบัติงาน,
เกาะเต่า,
ปัญหาและอุปสรรค,
อาสาสมัครAbstract: วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้คือเพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการ ปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากอาสาสมัครมูลนิธิจำนวน 87 คน ใช้สถิติเชิงพรรณนาในการวิเคราะห์ข้อมูลประชากรศาสตร์และพฤติกรรมและใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตัวแปรและทดสอบสมมุติฐาน
ผลการวิจัยพบว่า ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่าทุกด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านการจัดองค์การ รองลงมาได้แก่ ด้านงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์ ด้านการสนับสนุนช่วยเหลือ และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือด้านบุคลากร เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน การจัดการองค์การ อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายสถาณการณ์ พบว่า การมอบอำนาจการตัดสินใจแก่ผู้ปฏิบัติเป็นอุปสรรคระดับสูงสุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การแจ้งและรายงานผลการปฏิบัติงาน นอกจากนี้พบว่า การรับสมัคร และการคัดเลือกคนเข้ามาเป็นอาสาสมัคร มีอุปสรรคอยู่ในระดับสูงที่สุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การสร้างระบบการทำงานเป็นทีม ด้านการสนับสนุนช่วยเหลืออยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า การดำเนินการกู้ภัยระหว่างอาสาสมัครมูลนิธิอื่นอยู่ในระดับสูงสุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การส่งต่อผู้ประสบเหตุไปยังหน่วยงานอื่น ด้านงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์อยู่ในระดับมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดหาอุปกรณ์กู้ภัยและการปฐมพยาบาลอยู่ในระดับสูงสุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การบำรุงรักษาซ่อมแซมอุปกรณ์กู้ภัยและการปฐมพยาบาล ท้ายสุดผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบระดับปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธา เกาะเต่า พบว่าอาสาสมัครที่มีประชากรศาสตร์แตกต่างกัน มีปัญหาและอุปสรรคในการทำงานไม่แตกต่างกันCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27029 SIU IS-T. ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่า = Problem and Obstacle in Sufferers Rescue Operation of Khuson Shatta Foundation’s Volunteers, Koh Tao, Suratthani Province [printed text] / พงศกร ลวนานนท์, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - vii, 85 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-36
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การทำงาน
[LCSH]อาสาสมัครKeywords: การกู้ภัย,
การปฏิบัติงาน,
เกาะเต่า,
ปัญหาและอุปสรรค,
อาสาสมัครAbstract: วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้คือเพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการ ปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากอาสาสมัครมูลนิธิจำนวน 87 คน ใช้สถิติเชิงพรรณนาในการวิเคราะห์ข้อมูลประชากรศาสตร์และพฤติกรรมและใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตัวแปรและทดสอบสมมุติฐาน
ผลการวิจัยพบว่า ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่าทุกด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านการจัดองค์การ รองลงมาได้แก่ ด้านงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์ ด้านการสนับสนุนช่วยเหลือ และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือด้านบุคลากร เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน การจัดการองค์การ อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายสถาณการณ์ พบว่า การมอบอำนาจการตัดสินใจแก่ผู้ปฏิบัติเป็นอุปสรรคระดับสูงสุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การแจ้งและรายงานผลการปฏิบัติงาน นอกจากนี้พบว่า การรับสมัคร และการคัดเลือกคนเข้ามาเป็นอาสาสมัคร มีอุปสรรคอยู่ในระดับสูงที่สุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การสร้างระบบการทำงานเป็นทีม ด้านการสนับสนุนช่วยเหลืออยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า การดำเนินการกู้ภัยระหว่างอาสาสมัครมูลนิธิอื่นอยู่ในระดับสูงสุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การส่งต่อผู้ประสบเหตุไปยังหน่วยงานอื่น ด้านงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์อยู่ในระดับมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดหาอุปกรณ์กู้ภัยและการปฐมพยาบาลอยู่ในระดับสูงสุด ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การบำรุงรักษาซ่อมแซมอุปกรณ์กู้ภัยและการปฐมพยาบาล ท้ายสุดผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบระดับปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธา เกาะเต่า พบว่าอาสาสมัครที่มีประชากรศาสตร์แตกต่างกัน มีปัญหาและอุปสรรคในการทำงานไม่แตกต่างกันCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27029 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000594331 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-36 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000594323 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-36 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU THE-T. ปัจจัยอธิบายความสำเร็จของการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) / เฟื่องวิทย์ ชูตินันท์ / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2019
Collection Title: SIU THE-T Title : ปัจจัยอธิบายความสำเร็จของการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) Original title : Factors Explaining the Success of the Village Public Health Volunteer Work (VHV.) Material Type: printed text Authors: เฟื่องวิทย์ ชูตินันท์, Author ; ไชยวัฒน์ ค้ำชู, Associated Name ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2019 Pagination: viii, 237 น. Layout: ตาราง, ภาพประกอบ Size: 30 ซม. Price: 500.00 บาท General note: SIU THE-T: IPAG-DPA-2019-02
Thesis. [DPA [รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต.ปร.ด]] มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2019Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ความสำเร็จ
[LCSH]อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน -- การปฏิบัติงานKeywords: ความสำเร็จ,
การปฏิบัติงาน,
อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับความสำเร็จของการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน สังกัดสำนักงานเขตสุขภาพที่ 4 2) ปัจจัยอธิบายความสำเร็จของการปฏิบัติงานและ 3) นำเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายการบริหารงานการบริการสาธารณสุขมูลฐาน เป็นการวิจัยแบบผสม กลุ่มตัวอย่างเชิงปริมาณได้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 398 คน และเชิงคุณภาพเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญคือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ดีเด่น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สาธารณสุขอำเภอ สาธารณสุขจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 40 คน วิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปรและทดสอบสมมติฐานด้วยการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัย พบว่า ความสำเร็จของการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อยู่ในระดับดี ปัจจัยที่สามารถอธิบายการปฏิบัติงาน ได้แก่ ปัจจัยด้านแรงจูงใจ ภาวะผู้นำ การจัดองค์กรแห่งการเรียนรู้ การสื่อสารและการประสานงาน การนิเทศและประเมินผล การจัดสรรงบประมาณ ด้านกฎหมาย และด้านกลไกทางการเมือง สามารถอธิบายความสำเร็จของการปฏิบัติงานของ อสม. ได้ในระดับมาก โดยปัจจัยด้านกฎหมาย และปัจจัยด้านกลไกทางการเมือง เป็นตัวพยากรณ์ที่ดีที่สุด สามารถพยากรณ์ความสำเร็จของการปฏิบัติงานของ อสม. สังกัดสำนักงานเขตสุขภาพที่ 4 ได้ร้อยละ 55.70 โดยมีข้อเสนอเชิงนโยบาย คือ 1) รัฐควรกำหนดเป็นนโยบายสำคัญสนับสนุน อสม. ในการพัฒนาสุขภาพพลเมือง สร้างและพัฒนาเครือข่ายเชื่อมโยงกับประชาชนในการเสริมสร้างสุขภาวะอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม รวมทั้งสร้างสรรค์นวัตกรรมบริการสาธารณสุขเพื่อพัฒนาให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศยุค 4.0 2) ในการกำหนดนโยบายรัฐควรคำนึงถึงการบูรณาการองค์ความรู้จากทฤษฎี และประสบการณ์จากอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27940 SIU THE-T. ปัจจัยอธิบายความสำเร็จของการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) = Factors Explaining the Success of the Village Public Health Volunteer Work (VHV.) [printed text] / เฟื่องวิทย์ ชูตินันท์, Author ; ไชยวัฒน์ ค้ำชู, Associated Name ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2019 . - viii, 237 น. : ตาราง, ภาพประกอบ ; 30 ซม.
500.00 บาท
SIU THE-T: IPAG-DPA-2019-02
Thesis. [DPA [รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต.ปร.ด]] มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2019
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ความสำเร็จ
[LCSH]อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน -- การปฏิบัติงานKeywords: ความสำเร็จ,
การปฏิบัติงาน,
อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับความสำเร็จของการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน สังกัดสำนักงานเขตสุขภาพที่ 4 2) ปัจจัยอธิบายความสำเร็จของการปฏิบัติงานและ 3) นำเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายการบริหารงานการบริการสาธารณสุขมูลฐาน เป็นการวิจัยแบบผสม กลุ่มตัวอย่างเชิงปริมาณได้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 398 คน และเชิงคุณภาพเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญคือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ดีเด่น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สาธารณสุขอำเภอ สาธารณสุขจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 40 คน วิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปรและทดสอบสมมติฐานด้วยการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัย พบว่า ความสำเร็จของการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อยู่ในระดับดี ปัจจัยที่สามารถอธิบายการปฏิบัติงาน ได้แก่ ปัจจัยด้านแรงจูงใจ ภาวะผู้นำ การจัดองค์กรแห่งการเรียนรู้ การสื่อสารและการประสานงาน การนิเทศและประเมินผล การจัดสรรงบประมาณ ด้านกฎหมาย และด้านกลไกทางการเมือง สามารถอธิบายความสำเร็จของการปฏิบัติงานของ อสม. ได้ในระดับมาก โดยปัจจัยด้านกฎหมาย และปัจจัยด้านกลไกทางการเมือง เป็นตัวพยากรณ์ที่ดีที่สุด สามารถพยากรณ์ความสำเร็จของการปฏิบัติงานของ อสม. สังกัดสำนักงานเขตสุขภาพที่ 4 ได้ร้อยละ 55.70 โดยมีข้อเสนอเชิงนโยบาย คือ 1) รัฐควรกำหนดเป็นนโยบายสำคัญสนับสนุน อสม. ในการพัฒนาสุขภาพพลเมือง สร้างและพัฒนาเครือข่ายเชื่อมโยงกับประชาชนในการเสริมสร้างสุขภาวะอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม รวมทั้งสร้างสรรค์นวัตกรรมบริการสาธารณสุขเพื่อพัฒนาให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศยุค 4.0 2) ในการกำหนดนโยบายรัฐควรคำนึงถึงการบูรณาการองค์ความรู้จากทฤษฎี และประสบการณ์จากอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27940 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000607992 SIU THE-T: IPAG-DPA-2019-02 c.1 SIU Thesis and Dissertation Main Library Thesis Corner Available 32002000607989 SIU THE-T: IPAG-DPA-2019-02 c.2 SIU Thesis and Dissertation Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. การมีส่วนร่วมของอาสาสมัครตำรวจบ้านในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม กรณีศึกษาสถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฎร์ธานี / ศราวุฒิ ดีทองอ่อน / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : การมีส่วนร่วมของอาสาสมัครตำรวจบ้านในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม กรณีศึกษาสถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฎร์ธานี Original title : Community Volunteer Police’s Participation in Crime Suppression: The Case of Mueang Surat Thani Police Station Material Type: printed text Authors: ศราวุฒิ ดีทองอ่อน, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: vii, 78 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-33
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การมีส่วนร่วม
[LCSH]อาชญากรรม -- การป้องกันKeywords: การมีส่วนร่วม,
การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม,
อาสาสมัครตำรวจบ้านAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วม และเพื่อเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครตำรวจบ้านในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม : กรณีศึกษาสถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฏร์ธานี จำแนกตามอายุ ระดับการศึกษา และระยะเวลาในการเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ อาสาสมัครตำรวจบ้านทั้งหมดของสถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฏร์ธานีจำนวน 360 คน ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติเชิงพรรณนาที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้การทดสอบค่า F-test และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) ในการทดสอบสมมุติฐาน
ผลการวิจัย พบว่า การมีส่วนร่วมของอาสาสมัครตำรวจบ้านในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า การปฏิบัติงานตามแผนที่กำหนดมีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือการมีส่วนร่วม การประเมินผลการปฏิบัติงาน การมีส่วนร่วมในการปรับปรุงแผนการทำงาน และการวางแผนการปฏิบัติงาน ตามลำดับ ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบระดับการมีส่วนร่วมจำแนกตามอายุ ระดับการศึกษา และระยะเวลาในการเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน พบว่า โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน
Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26949 SIU IS-T. การมีส่วนร่วมของอาสาสมัครตำรวจบ้านในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม กรณีศึกษาสถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฎร์ธานี = Community Volunteer Police’s Participation in Crime Suppression: The Case of Mueang Surat Thani Police Station [printed text] / ศราวุฒิ ดีทองอ่อน, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; สมพร เพชรสงค์, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - vii, 78 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-33
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การมีส่วนร่วม
[LCSH]อาชญากรรม -- การป้องกันKeywords: การมีส่วนร่วม,
การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม,
อาสาสมัครตำรวจบ้านAbstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วม และเพื่อเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครตำรวจบ้านในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม : กรณีศึกษาสถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฏร์ธานี จำแนกตามอายุ ระดับการศึกษา และระยะเวลาในการเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ อาสาสมัครตำรวจบ้านทั้งหมดของสถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฏร์ธานีจำนวน 360 คน ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติเชิงพรรณนาที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้การทดสอบค่า F-test และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) ในการทดสอบสมมุติฐาน
ผลการวิจัย พบว่า การมีส่วนร่วมของอาสาสมัครตำรวจบ้านในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า การปฏิบัติงานตามแผนที่กำหนดมีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือการมีส่วนร่วม การประเมินผลการปฏิบัติงาน การมีส่วนร่วมในการปรับปรุงแผนการทำงาน และการวางแผนการปฏิบัติงาน ตามลำดับ ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบระดับการมีส่วนร่วมจำแนกตามอายุ ระดับการศึกษา และระยะเวลาในการเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน พบว่า โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน
Curricular : MPA Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26949 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000594273 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-33 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000594265 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-33 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล / พงษ์ศักดิ์ ทัพภูมี / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล Original title : Morale and Motivation in Work of Police Officers in Patrol and Special Operation Division Police Metropolitan Police Bureau Material Type: printed text Authors: พงษ์ศักดิ์ ทัพภูมี, Author ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name ; สมชาย รัตนโกมุท, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: viii, 74 หน้า Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-02
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ
[LCSH]ข้าราชการ -- การทำงาน
[LCSH]ตำรวจ -- ไทยKeywords: ขวัญและกำลังใจ
การปฏิบัติงาน
กองบังคับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ
กองบัญชาการตำรวจนครบาลAbstract: การศึกษาเรื่องขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาลและนำผลการศึกษาเสนอผู้บังคับบัญชาเป็นแนวทางเสริมสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจกองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26119 SIU IS-T. ขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล = Morale and Motivation in Work of Police Officers in Patrol and Special Operation Division Police Metropolitan Police Bureau [printed text] / พงษ์ศักดิ์ ทัพภูมี, Author ; อติพร เกิดเรือง, Associated Name ; สมชาย รัตนโกมุท, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - viii, 74 หน้า : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-02
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ
[LCSH]ข้าราชการ -- การทำงาน
[LCSH]ตำรวจ -- ไทยKeywords: ขวัญและกำลังใจ
การปฏิบัติงาน
กองบังคับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ
กองบัญชาการตำรวจนครบาลAbstract: การศึกษาเรื่องขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจ กองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาลและนำผลการศึกษาเสนอผู้บังคับบัญชาเป็นแนวทางเสริมสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจกองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26119 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000590388 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-02 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000590354 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-02 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สถานีตำรวจภูธรในพื้นที่จังหวัดราชบุรี / พงษ์รวี ค้าทวี / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2016
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สถานีตำรวจภูธรในพื้นที่จังหวัดราชบุรี Original title : Factors Affecting to Performance in Eliminating Narcotics Consumption by the Police Narcotics Ad Hoc Provincial Police in Ratchaburi Province Material Type: printed text Authors: พงษ์รวี ค้าทวี, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2016 Pagination: ix, 89 น. Layout: ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-19
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงาน
[LCSH]ยาเสพติด -- ราชบุรี -- การป้องกันและควบคุมKeywords: ปัจจัย
ผลกระทบ
การปฏิบัติงาน
การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดAbstract: การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 2) วิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาการดำเนินงาน 3) ศึกษาหาวิธีการแก้ไขสาเหตุของปัจจัยในการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของสถานีตำรวจภูธรในจังหวัดราชบุรี เพศชาย จำนวน 167 นาย การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ดำเนินการเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ ได้แก่ ค่าความถี่ร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่างกลุ่ม 2 กลุ่มด้วย t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวและเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยรายคู่ด้วยวิธี LSD
ผลการวิจัย พบว่า 1. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการดำเนินงานเรียงลำดับจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านการติดต่อสื่อสารและการประสานงาน ด้านการวางแผนจัดทรัพยากรที่ต้องการใช้ในการปฏิบัติงาน ด้านสมรรถนะของบุคลากร และด้านงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์ในการปฏิบัติงาน ด้านการยอมรับในอำนาจหน้าที่ของผู้ปฏิบัติงาน และด้านเวลาและการจัดสรรทรัพยากร ตามลำดับ 2. สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาในการทำงานมากที่สุด พบว่า การติดต่อสื่อสารและการประสานงานและด้านการวางแผนจัดทรัพยากรที่ต้องการใช้ในการปฏิบัติงาน 3. ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษา อายุงาน ชั้นยศ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน ระยะเวลาในการปฏิบัติงาน และการเข้ารับการอบรมที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยที่ส่งผลต่อการดำเนินงานแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
ข้อเสนอแนะในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ 1. การติดต่อสื่อสารและการประสานงาน ผู้บังคับบัญชาควรอธิบายแผนงานที่สั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงวัตถุประสงค์ วิธีการ ผลลัพธ์ที่ต้องการ ตลอดจนรับฟังความคิดเห็น และให้โอกาสเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ซักถาม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้
ทำงานด้วยความเข้าใจ มีการติดต่อ ประสานงาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการป้องกันปราบปรามยาเสพติด ในรูปแบบการทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน 2. การฝึกอบรม ผู้บังคับบัญชาควรจัดการอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน เพื่อให้ทราบวัตถุประสงค์กระบวนการการทำงาน เป็นแนวทางให้แก่ผู้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. ด้านการใช้เทคโนโลยี ผู้บังคับบัญชาควรจัดการอบรมการใช้เทคโนโลยีในการปฏิบัติงานให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน เพื่อช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ และมีความเป็นระบบมากยิ่งขึ้นCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26526 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สถานีตำรวจภูธรในพื้นที่จังหวัดราชบุรี = Factors Affecting to Performance in Eliminating Narcotics Consumption by the Police Narcotics Ad Hoc Provincial Police in Ratchaburi Province [printed text] / พงษ์รวี ค้าทวี, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016 . - ix, 89 น. : ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-19
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2016.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงาน
[LCSH]ยาเสพติด -- ราชบุรี -- การป้องกันและควบคุมKeywords: ปัจจัย
ผลกระทบ
การปฏิบัติงาน
การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดAbstract: การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 2) วิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาการดำเนินงาน 3) ศึกษาหาวิธีการแก้ไขสาเหตุของปัจจัยในการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของสถานีตำรวจภูธรในจังหวัดราชบุรี เพศชาย จำนวน 167 นาย การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ดำเนินการเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ ได้แก่ ค่าความถี่ร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่างกลุ่ม 2 กลุ่มด้วย t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวและเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยรายคู่ด้วยวิธี LSD
ผลการวิจัย พบว่า 1. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการดำเนินงานเรียงลำดับจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านการติดต่อสื่อสารและการประสานงาน ด้านการวางแผนจัดทรัพยากรที่ต้องการใช้ในการปฏิบัติงาน ด้านสมรรถนะของบุคลากร และด้านงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์ในการปฏิบัติงาน ด้านการยอมรับในอำนาจหน้าที่ของผู้ปฏิบัติงาน และด้านเวลาและการจัดสรรทรัพยากร ตามลำดับ 2. สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาในการทำงานมากที่สุด พบว่า การติดต่อสื่อสารและการประสานงานและด้านการวางแผนจัดทรัพยากรที่ต้องการใช้ในการปฏิบัติงาน 3. ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษา อายุงาน ชั้นยศ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน ระยะเวลาในการปฏิบัติงาน และการเข้ารับการอบรมที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยที่ส่งผลต่อการดำเนินงานแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
ข้อเสนอแนะในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ 1. การติดต่อสื่อสารและการประสานงาน ผู้บังคับบัญชาควรอธิบายแผนงานที่สั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงวัตถุประสงค์ วิธีการ ผลลัพธ์ที่ต้องการ ตลอดจนรับฟังความคิดเห็น และให้โอกาสเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ซักถาม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้
ทำงานด้วยความเข้าใจ มีการติดต่อ ประสานงาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการป้องกันปราบปรามยาเสพติด ในรูปแบบการทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน 2. การฝึกอบรม ผู้บังคับบัญชาควรจัดการอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน เพื่อให้ทราบวัตถุประสงค์กระบวนการการทำงาน เป็นแนวทางให้แก่ผู้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. ด้านการใช้เทคโนโลยี ผู้บังคับบัญชาควรจัดการอบรมการใช้เทคโนโลยีในการปฏิบัติงานให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน เพื่อช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ และมีความเป็นระบบมากยิ่งขึ้นCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26526 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000591691 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-19 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000591709 SIU IS-T: IPAG-MPA-2016-19 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน / ธงชัย มานะพัฒนเสถียร / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน Original title : Factors Affecting Work Motivation Among the Non-Commissioned Police. The Royal Protection Police Sub-Division 2, Protection and Crowd Control Division Material Type: printed text Authors: ธงชัย มานะพัฒนเสถียร, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: x, 99 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-03
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงาน
[LCSH]แรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่Keywords: แรงจูงใจ,
การปฏิบัติงาน,
กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนAbstract: การศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับและปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน
ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนมากเป็นเพศชาย มีอายุ 20 – 30 ปี มีอายุราชการ 1 – 10 ปี มีระดับการศึกษาระดับปริญญาตรี มีระดับชั้นยศสิบตำรวจตรี และปฏิบัติงานอยู่ในสายงานอารักขาที่ 4 ปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายปัจจัย พบว่า ในปัจจัยจูงใจ โดยรวมและรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านแล้วเรียงอันดับจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านความสำเร็จของงาน ด้านเนื้องาน ด้านความรับผิดชอบต่องาน ด้านความรู้สึกยอมรับ และด้านความก้าวหน้า ส่วนปัจจัยค้ำจุน โดยภาพรวมและรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณารายด้านแล้วเรียงอันดับจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านนโยบายและการบริหารขององค์การ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมงาน ด้านการบังคับบัญชา ด้านเงินเดือนและความมั่นคงในงาน และด้านสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตามลำดับ ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า สถานภาพส่วนบุคคลด้านเพศ อายุ ระดับการศึกษา อายุราชการ ชั้นยศ และสายงานที่ปฏิบัติ แตกต่างกันมีแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนไม่แตกต่างกัน
ข้อเสนอแนะ: ประการแรก ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานควรปรับปรุงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา ควรมีการจัดฝึกอบรม ศึกษาดูงานให้กับบุคลากรเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ควรส่งเสริมให้กำลังพลได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ควรจัดให้มีเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานอย่างเพียงพอและมีความทันสมัย ควรจัดสวัสดิการเงินกู้ช่วยเหลือทางการเงินด้านต่าง ๆ รวมทั้งควรจัดให้มีสวัสดิการอาหารกลางวันและจำหน่ายสินค้าราคาถูกให้กับกำลังพล ในด้านนโยบายและการบริหารขององค์การ ผู้บังคับบัญชาควรส่งเสริมให้กำลังพลมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนงานการปฏิบัติงาน และใช้ภาวะผู้นำในการบริหารองค์การเพื่อทำให้กำลังพลเกิดความกระตือรือร้นในการทำงานอยู่เสมอ และประการที่สอง ในการศึกษางานวิจัยครั้งต่อไป ควรพิจารณาหาวิธีการวิจัยในลักษณะอื่นนอกเหนือจากการวิจัยแบบสำรวจเพื่อให้ได้ข้อมูลที่หลากหลาย
Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26684 SIU IS-T. ปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน = Factors Affecting Work Motivation Among the Non-Commissioned Police. The Royal Protection Police Sub-Division 2, Protection and Crowd Control Division [printed text] / ธงชัย มานะพัฒนเสถียร, Author ; อุมาหฤทัย วรรณศรี, Associated Name ; วรเดช จันทรศร, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - x, 99 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-03
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]ตำรวจ -- การปฏิบัติงาน
[LCSH]แรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่Keywords: แรงจูงใจ,
การปฏิบัติงาน,
กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนAbstract: การศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับและปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน
ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนมากเป็นเพศชาย มีอายุ 20 – 30 ปี มีอายุราชการ 1 – 10 ปี มีระดับการศึกษาระดับปริญญาตรี มีระดับชั้นยศสิบตำรวจตรี และปฏิบัติงานอยู่ในสายงานอารักขาที่ 4 ปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายปัจจัย พบว่า ในปัจจัยจูงใจ โดยรวมและรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านแล้วเรียงอันดับจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านความสำเร็จของงาน ด้านเนื้องาน ด้านความรับผิดชอบต่องาน ด้านความรู้สึกยอมรับ และด้านความก้าวหน้า ส่วนปัจจัยค้ำจุน โดยภาพรวมและรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณารายด้านแล้วเรียงอันดับจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านนโยบายและการบริหารขององค์การ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมงาน ด้านการบังคับบัญชา ด้านเงินเดือนและความมั่นคงในงาน และด้านสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตามลำดับ ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า สถานภาพส่วนบุคคลด้านเพศ อายุ ระดับการศึกษา อายุราชการ ชั้นยศ และสายงานที่ปฏิบัติ แตกต่างกันมีแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจชั้นประทวน กองกำกับการอารักขา 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนไม่แตกต่างกัน
ข้อเสนอแนะ: ประการแรก ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานควรปรับปรุงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา ควรมีการจัดฝึกอบรม ศึกษาดูงานให้กับบุคลากรเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ควรส่งเสริมให้กำลังพลได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ควรจัดให้มีเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานอย่างเพียงพอและมีความทันสมัย ควรจัดสวัสดิการเงินกู้ช่วยเหลือทางการเงินด้านต่าง ๆ รวมทั้งควรจัดให้มีสวัสดิการอาหารกลางวันและจำหน่ายสินค้าราคาถูกให้กับกำลังพล ในด้านนโยบายและการบริหารขององค์การ ผู้บังคับบัญชาควรส่งเสริมให้กำลังพลมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนงานการปฏิบัติงาน และใช้ภาวะผู้นำในการบริหารองค์การเพื่อทำให้กำลังพลเกิดความกระตือรือร้นในการทำงานอยู่เสมอ และประการที่สอง ในการศึกษางานวิจัยครั้งต่อไป ควรพิจารณาหาวิธีการวิจัยในลักษณะอื่นนอกเหนือจากการวิจัยแบบสำรวจเพื่อให้ได้ข้อมูลที่หลากหลาย
Curricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26684 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000593259 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-03 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000593192 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-03 c.1 SIU Independent Study Main Library Thesis Corner Available SIU IS-T. ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ / นาคิน จันทร์แก้ว / กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร - 2017
Collection Title: SIU IS-T Title : ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ Original title : Obstacles in Job Performing of Volunteer Home Guards under Krabi Provincial Police’s Supervision Material Type: printed text Authors: นาคิน จันทร์แก้ว, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; ประยุทธ์ สวัสดิ์เรียวกุล, Associated Name Publisher: กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร Publication Date: 2017 Pagination: vii, 74 น. Layout: ภาพประกอบ, ตาราง Size: 30 ซม. Price: 500.00 General note: SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-24
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.Languages : Thai (tha) Descriptors: [LCSH]การทำงาน
[LCSH]อาสาสมัคร -- กระบี่Keywords: อาสาสมัครตำรวจบ้าน Abstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อทราบระดับปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ 2) เพื่อเปรียบเทียบปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพ อาชีพ และประสบการณ์ 3) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ โดยใช้แบบสอบถามเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างอาสาสมัครตำรวจบ้านที่ปฏิบัติงาน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ จำนวน 171 คน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าแจกแจงความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติ ทดสอบที และค่าสถิติทดสอบเอฟ วิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One-Way ANOVA) และเปรียบเทียบรายคู่ด้วยวิธีการของ Scheffe
ผลการศึกษาพบว่า ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ จำแนกเป็นรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านการสนับสนุนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รองลงมา ได้แก่ ด้านขวัญกำลังใจ ด้านตัวอาสาสมัคร และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมขน วิเคราะห์เปรียบเทียบปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ แยกตามประสบการณ์ โดยการทดสอบค่าที (T-test) พบว่า ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้านโดยภาพรวม ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แยกตามอายุ ระดับการศึกษา สถานภาพ อาชีพ โดยการทดสอบค่าเอฟ (F-test) จำแนกตามอายุ สถานภาพ และอาชีพ โดยภาพรวมและรายด้านไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จำแนกตามระดับการศึกษา โดยรวมมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05และข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหา พบว่า ควรจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ควรจัดกิจกรรมพบปะสังสรรค์ระหว่างอาสาสมัครตำรวจบ้านเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน ควรสร้างจิตสำนึกในความเป็นเจ้าของ รักชุมชน และมีความรู้สึกเป็นเจ้าของชุมชนCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26829 SIU IS-T. ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ = Obstacles in Job Performing of Volunteer Home Guards under Krabi Provincial Police’s Supervision [printed text] / นาคิน จันทร์แก้ว, Author ; ชาญชัย บัญชาพัฒนศักดา, Associated Name ; ประยุทธ์ สวัสดิ์เรียวกุล, Associated Name . - [S.l.] : กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017 . - vii, 74 น. : ภาพประกอบ, ตาราง ; 30 ซม.
500.00
SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-24
[MPA.[รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]] -- มหาวิทยาลัยชินวัตร, 2017.
Languages : Thai (tha)
Descriptors: [LCSH]การทำงาน
[LCSH]อาสาสมัคร -- กระบี่Keywords: อาสาสมัครตำรวจบ้าน Abstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อทราบระดับปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ 2) เพื่อเปรียบเทียบปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพ อาชีพ และประสบการณ์ 3) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ โดยใช้แบบสอบถามเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างอาสาสมัครตำรวจบ้านที่ปฏิบัติงาน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ จำนวน 171 คน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าแจกแจงความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติ ทดสอบที และค่าสถิติทดสอบเอฟ วิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One-Way ANOVA) และเปรียบเทียบรายคู่ด้วยวิธีการของ Scheffe
ผลการศึกษาพบว่า ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ จำแนกเป็นรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านการสนับสนุนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รองลงมา ได้แก่ ด้านขวัญกำลังใจ ด้านตัวอาสาสมัคร และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมขน วิเคราะห์เปรียบเทียบปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ แยกตามประสบการณ์ โดยการทดสอบค่าที (T-test) พบว่า ปัญหาในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้านโดยภาพรวม ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แยกตามอายุ ระดับการศึกษา สถานภาพ อาชีพ โดยการทดสอบค่าเอฟ (F-test) จำแนกตามอายุ สถานภาพ และอาชีพ โดยภาพรวมและรายด้านไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จำแนกตามระดับการศึกษา โดยรวมมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05และข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหา พบว่า ควรจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครตำรวจบ้าน ควรจัดกิจกรรมพบปะสังสรรค์ระหว่างอาสาสมัครตำรวจบ้านเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน ควรสร้างจิตสำนึกในความเป็นเจ้าของ รักชุมชน และมีความรู้สึกเป็นเจ้าของชุมชนCurricular : GE Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26829 Hold
Place a hold on this item
Copies
Barcode Call number Media type Location Section Status 32002000593622 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-24 c.1 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available 32002000593614 SIU IS-T: IPAG-MPA-2017-24 c.2 SIU Independent Study Graduate Library Thesis Corner Available การศึกษาการปฏิบัติงานด้านจิตเวชและ สุขภาพจิตชุมชนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน / ศิริลักษณ์ ช่วยดี in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต, Vol.31 No.1 (Jan-Apr) 2017/2560 ([11/08/2017])
[article]
Title : การศึกษาการปฏิบัติงานด้านจิตเวชและ สุขภาพจิตชุมชนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน : The Study of community psychiatric and mental health practice among villange health volunteers Material Type: printed text Authors: ศิริลักษณ์ ช่วยดี, Author ; โสภิณ แสงอ่อน, Author ; พัชรินทร์ นินทจันทร์, Author Publication Date: 2017 Article on page: p.41-59 Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต > Vol.31 No.1 (Jan-Apr) 2017/2560 [11/08/2017] . - p.41-59Keywords: จิตเวชและสุขภาพจิตชุมชน. อาสาสมัคร. สาธารณสุขประจำหมู่บ้าน.Community psychiatric and mental health. village health volunteer. Abstract: วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยการปฏิบัติงานด้านจิตเวชและสุขภาพจิตชุมชนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ตามปัจจัยคัดสรร ได้แก่ อายุ ระดับ การศึกษา สถานภาพสมรส รายได้ ระยะเวลา ในการปฏิบัติงานตำแหน่ง อสม. ความรู้ของ อสม.เกี่ยวกับโรคจิตเวชและการดูแลผู้ป่วยจิตเวช และทัศนคติของ อสม. ที่มีต่อโรคจิตเวชและการดูแลผู้ป่วยจิตเวช
วิธีการศึกษา: กลุ่มตัวอย่างเป็น อสม. ที่ขึ้นทะเบียนและปฏิบัติงานให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในอำเภอหนึ่ง ของจังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 361 คน เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบสอบถามความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิตและการดูแลผู้มีปัญหาสุขภาพจิต/ ผู้ป่วยจิตเวช แบบวัดทัศนคติของอสม.ต่อผู้มีปัญหาสุขภาพจิต/ ผู้ป่วยจิตเวชและการดูแลผู้มีปัญหาสุขภาพจิต/ ผู้ป่วยจิตเวช และแบบสอบถามเกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามบทบาทของ อสม. ในงานจิตเวชและสุขภาพจิตชุมชน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย และการวิเคราะห์ความแปรปรวน แบบมี 1 ตัวแปร
ผลการศึกษา: อสม. ที่มีระดับการศึกษาต่างกัน, ระยะเวลาในการปฏิบัติงานตำแหน่ง อสม. ต่างกัน และระดับความรู้ของ อสม. เกี่ยวกับโรคจิตเวชและการดูแลผู้ป่วยจิตเวชต่างกัน มีค่าเฉลี่ยการปฏิบัติงานด้านจิตเวชและสุขภาพจิตชุมชนแตกต่างกัน ผลการวิจัยครั้งนี้สามารถใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาการดำเนินงานด้านจิตเวชและสุขภาพจิตชุมชนของ อสม. รวมถึงพัฒนาโปรแกรมการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานด้านจิตเวชและสุขภาพจิตชุมชนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านได้
Objective: To compare mean scores of community psychiatric and mental health practices of village health volunteer according to selected factors which were: age, educational level, marital status and income, duration of working as village health volunteer, knowledge of psychiatric illnesses and psychiatric patients care, and attitude toward psychiatric illnesses and psychiatric patients care.
Methods: The participants consisted of 361 village health volunteers who were registered and have worked for the District Health Promoting Hospital in a district of Kanchanaburi province. The research instruments included Demographic Data Questionnaire, Knowledge of Psychiatric Illnesses and Psychiatric Patients Care Questionnaire, Attitude toward psychiatric Illnesses and Psychiatric Patients Care Questionnaire and Community Mental Health Practices of Village Health Volunteer Questionnaire. The data were analyzed using descriptive statistics and One-way Analysis of Variance.
Results: The results revealed that there are statistically and significantly different in mean scores of community psychiatric and mental health practices of village health volunteer according to educational level, duration of working as village health volunteer and knowledge of psychiatric illnesses and psychiatric patients care. Results from this study would be utilized to improve community psychiatric and mental health practices of village health volunteer as well as to develop program for enhancing the efficiency of community psychiatric and mental health practices of village health volunteer.Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27471 [article] การศึกษาการปฏิบัติงานด้านจิตเวชและ สุขภาพจิตชุมชนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน : The Study of community psychiatric and mental health practice among villange health volunteers [printed text] / ศิริลักษณ์ ช่วยดี, Author ; โสภิณ แสงอ่อน, Author ; พัชรินทร์ นินทจันทร์, Author . - 2017 . - p.41-59.
Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต > Vol.31 No.1 (Jan-Apr) 2017/2560 [11/08/2017] . - p.41-59Keywords: จิตเวชและสุขภาพจิตชุมชน. อาสาสมัคร. สาธารณสุขประจำหมู่บ้าน.Community psychiatric and mental health. village health volunteer. Abstract: วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยการปฏิบัติงานด้านจิตเวชและสุขภาพจิตชุมชนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ตามปัจจัยคัดสรร ได้แก่ อายุ ระดับ การศึกษา สถานภาพสมรส รายได้ ระยะเวลา ในการปฏิบัติงานตำแหน่ง อสม. ความรู้ของ อสม.เกี่ยวกับโรคจิตเวชและการดูแลผู้ป่วยจิตเวช และทัศนคติของ อสม. ที่มีต่อโรคจิตเวชและการดูแลผู้ป่วยจิตเวช
วิธีการศึกษา: กลุ่มตัวอย่างเป็น อสม. ที่ขึ้นทะเบียนและปฏิบัติงานให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในอำเภอหนึ่ง ของจังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 361 คน เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบสอบถามความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิตและการดูแลผู้มีปัญหาสุขภาพจิต/ ผู้ป่วยจิตเวช แบบวัดทัศนคติของอสม.ต่อผู้มีปัญหาสุขภาพจิต/ ผู้ป่วยจิตเวชและการดูแลผู้มีปัญหาสุขภาพจิต/ ผู้ป่วยจิตเวช และแบบสอบถามเกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามบทบาทของ อสม. ในงานจิตเวชและสุขภาพจิตชุมชน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย และการวิเคราะห์ความแปรปรวน แบบมี 1 ตัวแปร
ผลการศึกษา: อสม. ที่มีระดับการศึกษาต่างกัน, ระยะเวลาในการปฏิบัติงานตำแหน่ง อสม. ต่างกัน และระดับความรู้ของ อสม. เกี่ยวกับโรคจิตเวชและการดูแลผู้ป่วยจิตเวชต่างกัน มีค่าเฉลี่ยการปฏิบัติงานด้านจิตเวชและสุขภาพจิตชุมชนแตกต่างกัน ผลการวิจัยครั้งนี้สามารถใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาการดำเนินงานด้านจิตเวชและสุขภาพจิตชุมชนของ อสม. รวมถึงพัฒนาโปรแกรมการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานด้านจิตเวชและสุขภาพจิตชุมชนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านได้
Objective: To compare mean scores of community psychiatric and mental health practices of village health volunteer according to selected factors which were: age, educational level, marital status and income, duration of working as village health volunteer, knowledge of psychiatric illnesses and psychiatric patients care, and attitude toward psychiatric illnesses and psychiatric patients care.
Methods: The participants consisted of 361 village health volunteers who were registered and have worked for the District Health Promoting Hospital in a district of Kanchanaburi province. The research instruments included Demographic Data Questionnaire, Knowledge of Psychiatric Illnesses and Psychiatric Patients Care Questionnaire, Attitude toward psychiatric Illnesses and Psychiatric Patients Care Questionnaire and Community Mental Health Practices of Village Health Volunteer Questionnaire. The data were analyzed using descriptive statistics and One-way Analysis of Variance.
Results: The results revealed that there are statistically and significantly different in mean scores of community psychiatric and mental health practices of village health volunteer according to educational level, duration of working as village health volunteer and knowledge of psychiatric illnesses and psychiatric patients care. Results from this study would be utilized to improve community psychiatric and mental health practices of village health volunteer as well as to develop program for enhancing the efficiency of community psychiatric and mental health practices of village health volunteer.Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=27471 ปัจจัยทีีมีผลต่อการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) / ปรางค์ จักรไชย in วารสารพยาบาลสาธารณสุข, Vol.31 No.1 (Jan-Apr)2017 ([05/24/2017])
[article]
Title : ปัจจัยทีีมีผลต่อการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) : ในทีมหมอครอบครัว จังหวัดปทุมธานี Original title : Factors affecting the performance of village health volunteers (VHVs) of family care teams Pathum Thani province Material Type: printed text Authors: ปรางค์ จักรไชย, Author ; อภิชัย คุณีพงษ์, Author ; วรเดช ช้างแก้ว, Author Publication Date: 2017 Article on page: p.16-28 Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารพยาบาลสาธารณสุข > Vol.31 No.1 (Jan-Apr)2017 [05/24/2017] . - p.16-28Keywords: อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.).ทีมหมอครอบครัว.การปฎิบัติงานของอสม. Link for e-copy: http://phpn.ph.mahidol.ac.th/Journal/index.html Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=26760 [article] ปัจจัยทีีมีผลต่อการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) = Factors affecting the performance of village health volunteers (VHVs) of family care teams Pathum Thani province : ในทีมหมอครอบครัว จังหวัดปทุมธานี [printed text] / ปรางค์ จักรไชย, Author ; อภิชัย คุณีพงษ์, Author ; วรเดช ช้างแก้ว, Author . - 2017 . - p.16-28.
Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ขาดนัด / ประภัสสร เกียรติลือเดช in วารสารพยาบาลสาธารณสุข, Vol.31 No. (พิเศษ) พ.ค-ส.ค 2560 ([10/12/2017])
ผลของโปรปกรมการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน in วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก, Vol.26 No.1 (Jan-Jun) 2015 ([10/14/2015])
[article]
Title : ผลของโปรปกรมการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน : ต่อความรู้และทักษะในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ และกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด Material Type: printed text Publication Date: 2015 Article on page: pp.119-132 Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก > Vol.26 No.1 (Jan-Jun) 2015 [10/14/2015] . - pp.119-132Keywords: โปรแกรมการพัฒนาศักยภาพ.การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม.อาสาสมัครสาธารณสุข.ความรู้ทักษะการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลิือด. Abstract: การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียว มีวัตถุประสงค์เพื่อ ผลของโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.)ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วยการจัดการเรียนรู้แบบมัีส่วนร่วม คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง เป็น อสม. ที่ขึ้นทะเบียน ตำบลบางคูหลวง จ. ปทุมธานีท จำนวน 50 คน เข้าร่วมโปรแกรมอบรมเชิงปฏิบัติการมีส่วนร่วมจำนวน 3 วัน ประกอบด้วย 1. ความรู้เรื่องการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด 2. การทำกระบวนกลุ่มการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจ 3. การฝึกทักษะการประเมินระบบหัวใจและหลอดเลือด 4. ฝึกทักษะการกู้ชีวิตเบื้องต้น เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบประเมินความรู้การดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ แบบประเมินการรับรู้ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจ แบบสังเกตและประเมินผลการฝึกทักษะการประเมินระบบหัวใจและหลอดเลือด และแบบประเมินการกู้ชีวิตเบื้องต้น วิเคราะห์ข้อมูลความรู้ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจก่อนและหลังเข้าร่วมการอบรมเชิงปฏิบัติแบบมีส่วนร่วมโดยใช้ Paired t-test ประเมินผลการรับรู้ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจ ทักษะการประเมินระบบหัวใจและหลอดเลือด และการกู้ชีวิตเบื้องต้นโดยใช้สถิติเชิงพรรณา ผลการวิจัย พบว่า ภายหลังเข้ารับโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพแบบมีส่วนร่วม อสม. มีความรู้โรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสิถิติ p Link for e-copy: http://www.thaicvtnurse.org/index.php?option=com Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=25005 [article] ผลของโปรปกรมการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน : ต่อความรู้และทักษะในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ และกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด [printed text] . - 2015 . - pp.119-132.
Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก > Vol.26 No.1 (Jan-Jun) 2015 [10/14/2015] . - pp.119-132Keywords: โปรแกรมการพัฒนาศักยภาพ.การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม.อาสาสมัครสาธารณสุข.ความรู้ทักษะการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลิือด. Abstract: การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียว มีวัตถุประสงค์เพื่อ ผลของโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.)ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วยการจัดการเรียนรู้แบบมัีส่วนร่วม คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง เป็น อสม. ที่ขึ้นทะเบียน ตำบลบางคูหลวง จ. ปทุมธานีท จำนวน 50 คน เข้าร่วมโปรแกรมอบรมเชิงปฏิบัติการมีส่วนร่วมจำนวน 3 วัน ประกอบด้วย 1. ความรู้เรื่องการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด 2. การทำกระบวนกลุ่มการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจ 3. การฝึกทักษะการประเมินระบบหัวใจและหลอดเลือด 4. ฝึกทักษะการกู้ชีวิตเบื้องต้น เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบประเมินความรู้การดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ แบบประเมินการรับรู้ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจ แบบสังเกตและประเมินผลการฝึกทักษะการประเมินระบบหัวใจและหลอดเลือด และแบบประเมินการกู้ชีวิตเบื้องต้น วิเคราะห์ข้อมูลความรู้ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจก่อนและหลังเข้าร่วมการอบรมเชิงปฏิบัติแบบมีส่วนร่วมโดยใช้ Paired t-test ประเมินผลการรับรู้ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจ ทักษะการประเมินระบบหัวใจและหลอดเลือด และการกู้ชีวิตเบื้องต้นโดยใช้สถิติเชิงพรรณา ผลการวิจัย พบว่า ภายหลังเข้ารับโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพแบบมีส่วนร่วม อสม. มีความรู้โรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสิถิติ p Link for e-copy: http://www.thaicvtnurse.org/index.php?option=com Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=25005 ผลของโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของอาสาสมัคร / เพ็ญจันทร์ แสนประสาน in วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก, Vol.26 No.1 (Jan-Jun) 2015 ([10/14/2015])
[article]
Title : ผลของโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของอาสาสมัคร : สาธารณสุขประจำหมู่บ้านต่อความรู้และทักษะในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด Original title : Effects of health volunteer's capacity building based on participating learning program on knowledge and skill of caring patients with cardiovascular disease and a risk group of cardiovascular disease Material Type: printed text Authors: เพ็ญจันทร์ แสนประสาน, Author Publication Date: 2015 Article on page: pp.119-132 Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก > Vol.26 No.1 (Jan-Jun) 2015 [10/14/2015] . - pp.119-132Keywords: การพัฒนาศักยภาพ.การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม. โรคหัวใจและหลอดเลือด.อาสาสมัครสาธารณสุข. Abstract: การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียว เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วยการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง เป็น อสม. ที่ขึ้นทะเบียน ตำบลบางคูหลวง จ. ปทุมธานี จำนวน 50 คน เข้าร่วมโปรแกรมอบรมเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม จำนวน 3 วัน ประกอบด้วย 1. ความรู้เรื่องการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด 2. การทำกระบวนการกลุ่มการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจ 3. การฝึกทักษะการประเมินระบบหัวใจและหลอดเลือด 4. ฝึกทักษะการกู้ชีวิตเบื้องต้น เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบประเมินความรู้การดูแลผุ้ป่วยโรคหัวใจ แบบประเมินการรับรู้ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจ แบบสังเกตและประเมินผลการฝึกทักษะการประเมินระบบหัวใจและหลอดเลิือด และแบบปฏิบัติการกู้ชีวิตเบื้องต้น วิเคราะห์ข้อมูลความรู้ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจก่อนและหลังเข้าร่วมการอบรมเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมโดยใช้ Paired t-test ประเมินผลการรับรู้ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจ ทักษะการประเมินระบบหัวใจและหลอดเลิือด และการกู้ชีวิตเบื้องต้นโดยใช้สถิตเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า ภายหลังการเข้ารัลโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพแบบมีส่วนร่วม อสม. มีความรู้โรคหัวใจและหลอดเลิือดเพิ่มขึ้นอย่างมัีนัยสำคัญทางสถิติ p-value<0.001 อสม. ทุกรายมีคะแนนเฉลี่ยการรับรู้ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจในระดับดีมาก และสามารถผ่านการประเมินทักษะการประเมินหัวใจและหลอดเลือดและการกู้ชีวิตเบื้องต้นร้อยละ 100 ในระดับนี้ งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า โปรแกรมการพัฒนาศักยภาพโดยใช้การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม อสม. ช่วยสร้างเสิรมพลังอำนาจของอสม. และมีประสิทธิภาพในการสร้างศักยภาพ อสม. นอกจากนี้โปรแกรมนี้ยังช่วยสนับสนุนให้ อสม. เป็นส่วนหนึ่งในทีมสุขภาพและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสุขภาพในชุมชน และสามารถนำไปประยุต์เพื่อสร้างพลังอำนาจแก่กลุ่ม อสม. ในชุมชนอื่น
Link for e-copy: http://www.thaicvtnurse.org/index.php?option=com Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=25003 [article] ผลของโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของอาสาสมัคร = Effects of health volunteer's capacity building based on participating learning program on knowledge and skill of caring patients with cardiovascular disease and a risk group of cardiovascular disease : สาธารณสุขประจำหมู่บ้านต่อความรู้และทักษะในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด [printed text] / เพ็ญจันทร์ แสนประสาน, Author . - 2015 . - pp.119-132.
Languages : Thai (tha) Original Language : Thai (tha)
in วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก > Vol.26 No.1 (Jan-Jun) 2015 [10/14/2015] . - pp.119-132Keywords: การพัฒนาศักยภาพ.การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม. โรคหัวใจและหลอดเลือด.อาสาสมัครสาธารณสุข. Abstract: การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียว เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วยการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง เป็น อสม. ที่ขึ้นทะเบียน ตำบลบางคูหลวง จ. ปทุมธานี จำนวน 50 คน เข้าร่วมโปรแกรมอบรมเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม จำนวน 3 วัน ประกอบด้วย 1. ความรู้เรื่องการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด 2. การทำกระบวนการกลุ่มการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจ 3. การฝึกทักษะการประเมินระบบหัวใจและหลอดเลือด 4. ฝึกทักษะการกู้ชีวิตเบื้องต้น เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบประเมินความรู้การดูแลผุ้ป่วยโรคหัวใจ แบบประเมินการรับรู้ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจ แบบสังเกตและประเมินผลการฝึกทักษะการประเมินระบบหัวใจและหลอดเลิือด และแบบปฏิบัติการกู้ชีวิตเบื้องต้น วิเคราะห์ข้อมูลความรู้ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจก่อนและหลังเข้าร่วมการอบรมเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมโดยใช้ Paired t-test ประเมินผลการรับรู้ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจ ทักษะการประเมินระบบหัวใจและหลอดเลิือด และการกู้ชีวิตเบื้องต้นโดยใช้สถิตเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า ภายหลังการเข้ารัลโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพแบบมีส่วนร่วม อสม. มีความรู้โรคหัวใจและหลอดเลิือดเพิ่มขึ้นอย่างมัีนัยสำคัญทางสถิติ p-value<0.001 อสม. ทุกรายมีคะแนนเฉลี่ยการรับรู้ในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจในระดับดีมาก และสามารถผ่านการประเมินทักษะการประเมินหัวใจและหลอดเลือดและการกู้ชีวิตเบื้องต้นร้อยละ 100 ในระดับนี้ งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า โปรแกรมการพัฒนาศักยภาพโดยใช้การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม อสม. ช่วยสร้างเสิรมพลังอำนาจของอสม. และมีประสิทธิภาพในการสร้างศักยภาพ อสม. นอกจากนี้โปรแกรมนี้ยังช่วยสนับสนุนให้ อสม. เป็นส่วนหนึ่งในทีมสุขภาพและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสุขภาพในชุมชน และสามารถนำไปประยุต์เพื่อสร้างพลังอำนาจแก่กลุ่ม อสม. ในชุมชนอื่น
Link for e-copy: http://www.thaicvtnurse.org/index.php?option=com Record link: http://libsearch.siu.ac.th/siu/opac_css/index.php?lvl=notice_display&id=25003